วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

วัดราชคีรีหิรัญญาราม จ.พิษณุโลก ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ

วัดราชคีรีหิรัญญารามประวัติเดิมไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างแต่ถูกกาลเวลาปล่อยทิ้งร้างจนมาถึงปี 2483 โดยกระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา ได้ออกหนังสือรับรองความเป็นวัด วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530 ความว่า เป็นวัดที่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติสักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ.121 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น 
ิิิิิิ
ต่อมาเจ้าคณะตำบลวังทอง คือ "พระครูสุวรรณธรรมาภรณ์" เจ้าอาวาสวัดบางสะพาน อ.วังทอง ได้เห็นความสำคัญของวัดอันเป็นวัดเก่าโบราณ แต่ยังขาดพระสงฆ์มาดูแลจึงได้นิมนต์พระจากกรุงเทพมหานครมารักษาการแทนเจ้าอาวาสที่ว่างลง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2533

หลังจากนั้น "พระครูสุวรรณธรรมาภรณ์" ก็ได้ค้นคว้าความเป็นมาของวัดราชคีรีหิรัญญาราม ซึ่งมีเนื้อที่เขตวัดในปัจจุบันประมาณ 230 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา ต่อมา "พระอาจารย์มานิตย์ ลัทธคุโณ" ได้รับแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส โดยความเห็นชอบของเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 เพื่อดูแลฟื้นฟูบูรณปฏิสังขรณ์พุทธปฏิมากรสถานวัดราชคีรีหิรัญญาราม ตั้งอยู่บนไหล่เขาสมอแครง ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุ โลก ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก วังทอง-หล่มสัก-เพชรบูรณ์ (บนเชิงลาดไหล่เขาสมอแครง) เป็นทางลาดยาง รถ ยนต์ขึ้นถึงวัดได้โดยสะดวก ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระอวโลกิเตศวร พระบรมมหาโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว" ความสูง 3 เมตร 5 เซนติเมตร น้ำหนัก 3 ตัน หรือ 3,000 กิโลกรัม นับได้ว่าเป็นหินทะเลหยกขาวองค์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก อภินิหารของเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวเกิดขึ้นขณะอัญเชิญมาประดิษฐาน 



พระอาจารย์มานิตย์ ลัทธคุโณ เจ้าอาวาสวัดราชคีรีหิรัญญาราม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2535 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้เป็นประธานอัญเชิญองค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ด้วยการอาราธนาเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เจริญพระพุทธมนต์ชัยมงคลคาถา โดยการยกเจ้าแม่กวนอิมขึ้นรถเทรลเลอร์ของทหาร โดย พล.ต.วิทวัส เตมียบุตร ผู้บัญชาการหน่วยรบที่ 3 จังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ดูแลนำคณะเดินทางออกจาก จ.นครสวรรค์ เวลา 06.09 น. วันที่ 15 ตุลาคม 2535 และทันทีที่ได้เดินทางถึงจังหวัดพิษณุโลกผ่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก็เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์แก่ประชา ชนโดยทั่วไป คือ ไฟฟ้าในพระวิหารพระพุทธชินราชได้ดับลงอย่างน่ามหัศจรรย์ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน 



เวลา 09.49 น.ขณะที่พระครูสุวรรณธรรมาภรณ์ และพล.ต. วิทวัส เตมียบุตร ได้เข้าไปในพระวิหารเพื่อกราบนมัสการขอขมาพระพุทธชินราช เพื่อขออนุญาตให้เปิดทางในการอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวไปอำเภอวังทอง ทั้งๆ ที่ไฟฟ้ายังดับอยู่ และได้สวดมนต์ภาวนาขอบารมี โดยปาฏิ หาริย์ขององค์พระพุทธชินราช ทราบในข่ายพระญาณว่า เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวจะแวะมานมัสการพระพุ้้ทธชินราช แต่ด้วยความใหญ่โตสูงใหญ่ ถ้าเข้าไปในพระวิหารลำบากมาก รถเทรลเลอร์ได้จอดขวางอยู่หน้าประตูทางเข้าพระวิหารทางด้านหลวงพ่อ การเกิดเหตุไฟดับในครั้งนี้เป็นสัญญาณบอกให้รับรู้การขอขมา จึงมีประการเดียวคือแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ทำให้ไฟฟ้าในพระวิหารดับ เพื่อให้คนที่กำลังกราบไหว้พระพุทธชินราชได้ออกไปภายนอก และได้พบกับองค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวประทับยืนตระ หง่านอยู่บนรถเทรล เลอร์ คนที่เดินออกจากพระวิหารต่างก็กรูกันไปกราบไหว้นมัส การองค์พระแม่กวนอิมหยกขาวกันอย่างเนืองแน่น พากันยก มือท่วมหัว เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นและสร้างความฮือฮา 

กล่าวขวัญถึงบารมีของเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ที่เปรียบเสมือนกับพระโพธิสัตว์องค์สำคัญได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า

เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวในด้านความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เป็นที่เลื่องลือระบือไกล ปรากฏเห็นเป็นที่ประจักษ์คนแล้วคนเล่า ผู้คนที่มากราบไหว้ขอพรล้วนแล้วแต่กลับไปมีความสุขสมหวังดั่งที่ปรารถนา ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก

ขณะนี้ทางวัดกำลังบูรณะซ่อมแซมปรับปรุงภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงในเขตพุทธาวาสมีพระวิหาร และก่อสร้างหอฉัน หอสวดมนต์ กุฏิสงฆ์ ห้องน้ำ เพื่อรองรับคณะญาติโยมที่มาท่องเที่ยวและปฏิบัติธรรม ทางวัดได้นำเงินของผู้มีจิตศรัทธานำมาก่อสร้างไปแล้วประมาณ 10 กว่าล้านบาท แต่ยังไม่แล้วเสร็จ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น